วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Forensic Engineering

เพิ่มคำอธิบายภาพ
http://www.youtube.com/watch?v=Qr18PYagUIo

ท่านที่ต้องการ ให้เรา คำนวณ
ออกแบบ เขียนแบบ,เซ็นแบบ ควบคุมงาน บ้าน อาคาร โรงงาน

การตรวจพิสูจน์ งานวิศวกรรรมโยธา

การเสียหายของโครงสร้าง ไม่ใช่เกิดจากแค่ อุบัติเหตุ หรือ เป็นสิ่งที่เกิดจากพระเจ้า มันเป็นผลลัพท์ของ ความผิดพลาดของมนุษย์ จากการมองข้ามความสำคัญ การประมาท การปล่อยปละละเลย หรือ ความโลภ แต่ที่เกิดมากมักเป็นอาคารขนาดเล็กที่บางครั้งไม่ได้ควบคุมงานเลย หรือ ที่การออกแบบและก่อสร้างโดยผู้ที่ขาดประสบการณ์ อาคารขนาดใหญ่ ที่ขาดการบริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพ ก็อาจจนำไปสู่ความวิบัติได้เหมือนกัน


รับ ปรึกษา และ ออกแบบ งาน อาคาร รับรองรายการคำนวณ วิเคราะห์แรงแผ่นดินไหว รวมทั้งงานตรวจสอบอาคาร  โดย วุฒิวิศวกร ปรึกษา คุณ วีระ ได้ที่ อีเมลย์ 4we@4wengineering.com 0812974848

LineID  Account  :  weerawbk


ด้วยความก้าวหน้าของงานออกแบบอาคารที่มีรูปแบบไม่เป็นเส้นตรงๆธรรมดาที่มีความโค้งและความสลับซับซ้อนมากขึ้น และวิธีการก่อสร้างที่หลากหลาย นำมาสู่ความเสียหายของโครงสร้างที่แพร่หลายมากขึ้น
การประหยัดในช่วงของการออกแบบและค่าก่อสร้าง มักจะย้อนกลับมาในภายหลังด้วยค่าใช้จ่ายในการซ่อมที่มากกว่ามาก และนำไปสู่การฟ้องร้องคดีความ

โครงสร้างที่ไม่มั่นคง ในปลายศรรษตวัตที่ 20 จะนำโอกาสที่ดีงามมาสู่สาขา วิศวกรรมการตรวจพิสูจน์ในศตวรรษที่ 21

การตรวจสอบทางวิศวกรรม และการสรุปสาเหตุของความเสียหายของ อาคาร สะพาน และงานก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ รวมทั้งการให้ความคิดเห็น และ คำให้การในขบวนการทางศาล ได้กลายเป็นสาขาวิชาชีพ ของมันเอง โดยมักจะเรียกว่า forensic structural engineering (วิศวกรรมการตรวจพิสูจน์)

ความเสียหายของโครงสร้าง ไม่ได้หมายถึงจะต้องเกิดความหายนะอย่างใหญ่หลวง มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับ การออกแบบที่คาดหวังไว้ หรือ ความสามารถในการทำงานที่ไม่เพียงพอ

การวิบัติ มักหมายถึง กำลังของวัสดุที่ไม่เพียงพอ และ หรือ สเถียรภาพความมั่นคงไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพที่ไม่เพียงพอ หรือที่เรียกกันว่า มีปัญหาในการใช้งาน ส่วนใหญ่เกิดจาก ความเสื่อมสภาพอย่างผิดปกติ การเสียรูปมากเกินไป ลักษณะที่จะเกิดภัยพิบัติ พูดง่ายๆคือ ความเสียหายของโครงสร้าง หมายถึง ลักษณะที่ความแตกต่างที่ยอมรับไม่ได้ ระหว่าง ประสิทธิภาพที่ตั้งใจออกแบบไว้ กับ ประสิทธิภาพจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน

พื้นฐานของงานตรวจพิสูจน์ที่วิศวกรควรจะรู้มีดังนี้

ส่่วนที่ 1 การออกแบบ และ หลักปฎิบัติในการก่อสร้าง

ประกอบด้วย Design Code (หลักการคำนวณตามประเทศที่ใช้), (Standards มาตราฐานที่ใช้ออกแบบ), และคู่มือ

Construction Safety Code (มาตราฐานความปลอดภัยและข้อบังคับ ที่กฎหมายกำหนดไว้)

ส่วนที่ 2 การสำรวจการวิบัติของอาคาร และ การหาข้อสรุปของการเรียกร้องค่าเสียหาย

ประกอบด้วย ขั้นตอนแรกที่จำเป็นต้องทำหลังจากเกิดการวิบัติ, ข้อกฎหมายที่จะตามมาหลังเกิดการวิบัติ,การสำรวจทางวิศวกรรม หาสาเหตุของการวิบัติ, มาตราฐานของการระมัดระวัง, การดำเนินการทางกฎหมายและการระงับข้อขัดแย้ง, ที่ปรึกษา หรือ ผู้ชำนาญการพิเศษ และ พยาน

ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์ทางวิศวกรรม ของโครงสร้างที่บกพร่อง หรือ วิบัติ

ประกอบด้วย น้ำหนักบรรทุกต่างๆ และความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติ, โครงสร้างเหล็ก, โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก, โครงสร้างผนังก่ออิฐ, ระบบเปลือกหุ้มของอาคาร, โครงสร้างไม้, ฐานรากอาคาร, โครงสร้างชั่วคราว

การตรวจสอบทางวิศวกรรม และการสรุปสาเหตุของความเสียหายของ อาคาร สะพาน และงานก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ รวมทั้งการให้ความคิดเห็น และ คำให้การในขบวนการทางศาล ได้กลายเป็นสาขาวิชาชีพ ของมันเอง โดยมักจะเรียกว่า forensic structural engineering (วิศวกรรมการตรวจพิสูจน์)


ความเสียหายของโครงสร้าง ไม่ได้หมายถึงจะต้องเกิดความหายนะอย่างใหญ่หลวง มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับ การออกแบบที่คาดหวังไว้ หรือ ความสามารถในการทำงานที่ไม่เพียงพอ
สาเหตุที่ทำให้อาคารวิบัติ

ความผิดพลาดในการคำนวณออกแบบ

ปัญหาการก่อสร้าง

ปัญหางานฐานราก

แรงกระทำทางข้าง

การกระทำทางกล

ผลของปฎิกริยาทางเคมี และ จุลินทรีย์


เริ่มแรก จะเป็นขั้นตอนการออกแบบ จนถึงขั้นตอนการก่อสร้าง เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าบทบาทและความรับผิดชอบของวิศวกรในการออกแบบและก่อสร้าง เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกันระหว่างเจ้าโครงการและความเป็นมืออาชีพ

ผนังก่ออิฐร้าวแสดงให้เห็นว่า การชำรุดอาจเกิดในบริเวณที่พบรอยร้าว หรือ เกิดที่ส่วนอื่นของอาคาร แต่ส่งผลกระทบมาปรากฎให้เห็นที่รอยร้าวก็ได้

ฉะนั้นการซ่อมแซมการชำรุด จะต้องหาสาเหตุให้พบเสียก่อน เช่น อาจเกิดจาก การทรุดตัวไม่เท่ากันของ ฐานราก

ปัญหาจากแรงด้านข้าง

วิศวกรทุกคนรู้ว่ามี"สองด้านเพื่อสมการความสมดุลย์. "ด้านหนึ่งเป็นความสามารถในการต้านทานของโครงสร้างและอีกด้านหนึ่ง แทน แรงกระทำทีใช้ ในการคำนวณ

ในการประเมินผลการ ไม่มีประสิทธิภาพ หรือความวิบัติของอาคาร นั้น การตรวจพิสูจน์สอบสวนอย่างละเอียด
ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเลขทั้งสองด้านของสมการ เพื่อให้ผู้ตรวจพิสูจน์ ใช้ใน
ให้น้ำหนักในทฤษฎีความล้มเหลวต่างๆ ในที่สุดผู้ตรวจพิสูจน์ต้อง
มั่นใจเพียงพอที่จะเอาสาเหตุทีไม่น่าจะเป็นไปได้ออกและพัฒนา
ความคิดเห็นที่มีข้อมูลโต้แย้งได้เกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลว

แล้วผู้ตรวจพิสูจน์จะต้องสามารถ ให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้สงสัย ภายใต้ความกดดัน
ความท้าทายอย่างก้าวร้าวโดยบุคคลที่เสียประโยชน์ จากความคิดเห็นของผู้ตรวจพิสูจน์
ความพยายามนี้จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ความสำคัญของ
ประวัติการรับน้ำหนักของโครงสร้างที่วิบัติ
นักตรวจพิสูจน์ควรเริ่มต้นด้วยน้ำหนักที่กระทำบนโครงสร้างในขณะที่เกิด
ความล้มเหลวจริงๆ น้ำหนักเหล่านี้เกิดจากผลรวมโดยแรงโน้มถ่วง,แรงลม, แรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว,และแรงจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ชัดเจนที่สุดให้เกิดความวิบัติ
แต่บ่อยนักตรวจพิสูจน์จะต้องประเมินว่ามีน้ำหนักอื่นนอกเหนือจากนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
โครงสร้างในขณะที่วิบัติหรือไม่
บางครั้งประวัติย้อนหลังมีน้ำหนักที่กระทำต่อโครงสร้างครั้งก่อนๆ
มีผลต่อความสามารถของโครงสร้างในการรับน้ำหนักในเหตุการณ์ที่รุนแรงตามมา
น้ำหนักที่กระทำซ้ำๆ เป็นรอบๆ ตลอดเวลา สามารถทำให้เกิดความเสียหายจากความล้า

แรงที่มากๆ เกินไป ครั้งเดียว ทำให้เกิดจุดอ่อน อัน สามารถนำสู่ ความเสียหายที่ชัดเจน หรือ
ทำให้เกิดความเสียหายไม่เด่นอื่น โดยไม่ได้ทำให้การวิบัติอย่างชัดเจน หรือ ทันทีทันใด เมื่อเกิดความเสียหายเกิดขึ้นก่อนดังกล่าว อาจจะนำไปสู่ การวิบัติในภายหลัง ซึ่งปกติจะไม่เกิดการวิบัติในการใช้งานทั่วไป
มักจะเป็นความท้าทายบ่อยๆ ในการหาส่วนประกอบของน้ำหนักที่กระทำต่อโครงสร้างในช่วงของ
การวิบัติ ส่วนประกอบอาคารและหลักฐาน มักจะสูญหายไปในกองเศษซากปรักหักพัง

ลมพายุและแรงแผ่นดินไหว มักจะหายไป ผ่านช่วงเวลา นาน กว่าจะถึงเวลาทำการตรวจพิสูจน์ที่หน่วยงานก่อสร้าง
เมื่อน้ำหนักที่กระทำต่อโครงสร้างไม่สามารถวัดโดยตรง นักตรวจพิสูจน์
มักจะต้องดำเนินการวิจัยที่สำคัญ, การสอบถามและวิเคราะห์เพื่อประมาณการ
บางครั้งประมาณจากสถานการณ์หนึ่งๆ หลักฐานที่ว่าน้ำหนักที่มีผลมากที่สุด
ต่อโครงสร้าง ที่เวลานั้นๆ

นอกจากนั้นจะต้อง เป็นนักค้นคว้าทฤษฎี,นักสวบสวน และเป็นนักสืบด้วย

พวกเขาจะต้องระวังและเก็บหลักฐานต่างๆ ในขณะที่ ค้นหา เบาะแส เงื่อนงำจากกองซากปรักหักพัง เกี่ยวกับ ประวัติการรับน้ำหนั ก ของโครงสร้าง ที่วิบัติ

ขั้นตอนแรกหลังจากเกิดการวิบัติ

ดูแลความปลอดภัย และ ความมั่นคงของโครงสร้าง

รักษาสภาพของหลักฐาน เช่น รูปแบบการวิบัติ, ผิวหน้าของรอยร้าว

รักษา ตัวอย่าง ชิ้นส่วนที่เสียหาย และ ชิ้นที่ไม่เสียหาย

จัดทำระบบเอกสาร เช่น ข้อความที่ได้จดที่สนาม,รูปถ่าย,วีดีโอ

การสัมภาษณ์ ข้อมูลที่ได้พบเห็น,ใครบ้างที่ ควรจะถูกสัมภาษณ์

ร่วมมือกับ วิศวกรตรวจพิสูจน์ แขนงอื่นๆ

รวบรวมเอกสารขั้นต้น

การประเมินผลขั้นต้น


รายละเอียดการ ดูแลความปลอดภัย และ ความมั่นคงของโครงสร้าง

การป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนล่วงลงมาแล้วจะต้องรีบเสริมความมั่นคงให้กับระบบ โครงสร้าง ก่อนที่จะรื้อถอน เศษซากนั่งร้านออกวิศวกรตรวจพิสูจน์จะต้องทำงานร่วมกับ ผู้รับเหมา อย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาที่ ดำเนินการรื้อถอนมีการใส่ตาข่ายเพื่อช่วยดักเก็บวัสดุที่ร่วงหล่นมา ไม่ให้ตกสู่ ถนน ด้านล่าง

ในกรณีที่เกิดอันตรายจากของตกจากอาคารสูงสู่ถนนด้านล่าง เจ้าหน้าที่ราชการต้องสั่งปิดถนนทันที และสะพานชั่วคราว ต้องติดตั้งไว้ คร่อม ถนน และทางเท้า ให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะเปิดถนนใหม่ เพื่อป้องกัน ผู้คนที่ผ่านมาจะเห็นว่า อิฐที่อยู่ในสภาพไม่มั่นคงจะต้องถูกรื้อออก และ ส่วนอื่นๆ ก็ต้องตรวจพิสูจน์และเสริมความมั่นคง ก่อนที่จะเปิดใช้ใหม่

ในกรณีที่เกิดการพังทลายจากแรงด้านข้าง จะต้องติดตั้งระบบค้ำยันคานเหล็ก เพิ่มเติม เพื่อป้องกัน การวิบัติเพิ่มเติมในอาคาร ก่อนทำอย่างอื่น

ขั้นตอนการสำรวจ การวิบัติของโครงสร้าง

ทำข้อผูกพัน และกำหนด วัตถุประสงค์ของการสำรวจ

 เก็บรวบรวมข้อมูล เอกสารต่างๆ ย้อนหลัง

สำรวจ หน่วยงานที่วิบัติ เบื้องต้น

จัดทำแผนการสำรวจ และ จัดหาบุคลกร ประจำทีมงาน

กำหนด ข้อสันนิฐาน สาเหตุ ความเสียหาย ขั้นต้น

ทบทวน เอกสาร อย่างละเอียด

สำรวจ ทดสอบที่หน้าสนาม และ การเก็บตัวอย่างวัสดุ

วิเคราะห์โครงสร้าง และ ทำการทดสอบที่ห้องปฎิบัติการ

ปรับปรุง ข้อสันนิฐานของ สาเหตุการวิบัติ ใหม่

 ปรับปรุง แผนการสำรวจ ใหม่ และ ย้อนกลับไปเริ่ม ขั้นตอนตรวจสอบเอการใหม่ จนได้ ข้อสรุป สุดท้าย ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการวิบัติ

จัดทำรายงาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น